Archives September 2024

‘ทีเอ็มบีธนชาต’ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้0.20% เงินฝากประจำสูงสุด0.50%

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินกู้ สอดคล้องกับมติคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ตามทิศทางของภาวะเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัว ย้ำธนาคารให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการออมเงิน พร้อมขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากบัญชีเงินฝากประจำสูงสุด 0.50% ต่อปี พร้อมดูแลลูกค้าสินเชื่อแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า จากกรณีที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 1.75% ต่อปี เป็น 2.00% ต่อปี สอดคล้องกับภาวะทิศทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ทีทีบี จึงได้พิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ทั้งลูกค้าบุคคล และนิติบุคคล โดยเน้นส่งเสริมให้ลูกค้าออมเงินเพิ่มมากขึ้นผ่านบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลาย รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มลูกค้าสินเชื่อด้วยโซลูชันรวบหนี้ โดยธนาคารมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนี้

ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2566

สำหรับลูกค้าบุคคล

· บัญชีเงินฝากประจำทั่วไป ทีทีบี ประเภท 36 เดือน เพื่อการออมระยะยาว ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.50% เป็น 2.10% ต่อปี

· บัญชีเงินฝากประจำรูปแบบพิเศษ ทีทีบี ดอกเบี้ยด่วน ประเภท 3 เดือน เพื่อการออมระยะสั้น ได้รับผลตอบแทนเร็วและสูง ปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.10% เป็น 1.20% ต่อปี โดยลูกค้าสามารถรับดอกเบี้ยไปใช้หลังการฝากเงินเพียง 7 วัน

สำหรับลูกค้านิติบุคคล

· บัญชีเงินฝากประจำรูปแบบพิเศษ ทีทีบี อัพแอนด์อัพ ประเภท 24 เดือน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ 1.80% ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยช่วงเดือนที่ 1 ถึงเดือนที่ 6 เพิ่มขึ้น 0.20% เป็น 1.00% ต่อปี

ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารได้พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี MLR (Minimum Loan Rate) 0.20% ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย MOR (Minimum Overdraft Rate) สำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี 0.20% และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรายย่อยชั้นดี MRR (Minimum Retail Rate) 0.20% โดยอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นดังกล่าว มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2566คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

จากสถานการณ์ปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนและดูแลช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่อ่อนไหวต่อค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น และยังคงแนะนำลูกค้าแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนด้วยโซลูชันทางการเงินที่หลากหลาย เช่น การรวบหนี้ด้วยสินเชื่อบ้านแลกเงิน ทีทีบี เคลียร์หนี้ ด้วยดอกเบี้ยพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรก เริ่มต้น 5.93% ต่อปี และหากใครที่กำลังมีภาระผ่อนบ้าน-คอนโดฯ แนะนำสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ทีทีบี ด้วยดอกเบี้ยพิเศษเฉลี่ย 3 ปีแรก เริ่มต้น 3.65% ต่อปี พร้อมขอวงเงินกู้เพิ่มเป็นสินเชื่อบ้านแลกเงินเพื่อไปรวบหนี้ได้เช่นกัน ซึ่งโซลูชันเหล่านี้จะช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยให้ลูกค้า ลดค่างวดต่อเดือนช่วยเสริมภาพคล่องให้ลูกค้าได้

สำหรับลูกค้าที่เน้นการออม ธนาคารยังมีทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการสภาพคล่องด้วย บัญชีเงินฝากดิจิทัล ทีทีบี มีเซฟ ที่ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 2.00% ต่อปีตั้งแต่ยอดเงินฝากบาทแรกถึง 100,000 บาท สามารถฝาก-ถอนเมื่อไรก็ได้ และไม่กำหนดขั้นต่ำในการฝากเงิน ปัจจุบันนับเป็นบัญชีเงินฝากที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีเงินฝากดิจิทัลอื่น ๆ ในตลาด โดยธนาคารมุ่งหวังว่าผลตอบแทนดอกเบี้ยที่ลูกค้าได้รับจะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่พุ่งสูงขึ้น และยังเป็นการสนับสนุนการออมเงินเพื่อเป็นการสร้างรากฐานชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้ และอนาคตด้วย

‘SAM’ตั้งปธ.บอร์ดคนใหม่ ‘ปริญญา พัฒนภักดี’ มุ่งฟื้นเศรษฐกิจ-สังคมประเทศ

ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 มีมติแต่งตั้ง “ปริญญา พัฒนภักดี” นั่งเก้าอี้ประธานบอร์ด SAM คนใหม่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2565 พร้อมได้มอบนโยบายให้ SAM เป็นหนึ่งวงล้อฟันเฟืองที่สำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และร่วมดูแลยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยและคุณภาพธุรกิจของผู้ประกอบการภาคธุรกิจที่ประสบปัญหาด้านเครดิตในประเทศให้ฟื้นกลับมาอยู่รอด อยู่ได้ เติบโตและยั่งยืนอย่างมีคุณภาพได้ในที่สุด

นายปริญญา พัฒนภักดี ปัจจุบันอายุ 63 ปี มีประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งสำคัญระดับประเทศมากมาย ทั้งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง วุฒิสภา ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประธานกรรมการ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการอิสระและประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง บริษัท เอสโฮเทลแอนด์รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กรรมการ บริษัท รักษาความปลอดภัย กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด รองประธานกรรมการ บริษัท กรุงไทยกฎหมาย จำกัด

เลขานุการบริษัท เลขานุการคณะกรรมการธนาคาร เลขานุการคณะกรรมการบริหาร เลขานุการคณะกรรมการอิสระ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำหรับด้านการศึกษา สำเร็จการศึกษาปริญญาโท รัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และปริญญาโทบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา และปริญญาตรีนิติศาสตร์ (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยรามคำแหง นอกจากนี้ยังผ่านการอบรมหลักสูตรชั้นนำอีกมากมายคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

นายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM กล่าวว่า ต้องขอขอบพระคุณธนาคารแห่งประเทศไทยและกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ที่ได้ให้โอกาสและให้เกียรติได้เข้ามาดูแลนโยบายและการบริหารงานของ “บ้าน SAM” ในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ภาครัฐที่มีบทบาทหลักสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของประเทศมายาวนานกว่า 20 ปี โดยมุ่งที่จะขับเคลื่อนนโยบายให้ “บ้าน SAM” มีความอบอุ่น มั่นคงแข็งแรง ยั่งยืนอย่างมีคุณภาพและให้ได้เข้ามามีบทบาทเป็นกุญแจหลักที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาฟื้นฟูสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบของสถาบันการเงินและทั้งระบบของประเทศ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะมุ่งเน้นนโยบายให้เข้าถึงการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจและวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อเสริมและยกระดับในการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้พลิกฟื้นคืนกลับมาโดยเร็วที่สุด ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าจะสามารถผลักดันนโยบายที่ภาครัฐและทุกภาคส่วนต้องการให้ “บ้าน SAM” หลังนี้มีความมั่นคง เติบโตอย่างมีคุณภาพ เป็น “บริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งชาติ” (National AMC) เพื่อทำให้ SAM เป็น “บริษัทบริหารสินทรัพย์ของคนไทย” ที่มีบทบาทสำคัญและเป็นหนึ่งวงล้อฟันเฟืองหลักในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้อย่างได้ผลที่เป็นรูปธรรม

นายปริญญา กล่าวว่า ที่ผ่านมา SAM ได้ดูแลและให้การช่วยเหลือลูกค้าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งในภาคธุรกิจและประชาชน ให้สามารถกลับไปดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตได้ตามปกติมาแล้วกว่า 54,000 ราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 333,500 ล้านบาท รวมถึงยังช่วยส่งคืนทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ที่ทิ้งร้างกลับคืนเข้าสู่ระบบด้วยการขายให้กับนักลงทุน และประชาชนทั่วไป ให้นำไปพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วเป็นมูลค่ารวมกว่า 44,600 ล้านบาท

นอกจากนี้ SAM ยังช่วยนำส่งเงินสดคืนกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไปแล้วเป็นจำนวนรวมกว่า 437,000 ล้านบาท และในช่วงเวลาที่ผ่านมา SAM ยังได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศผ่าน โครงการคลินิกแก้หนี้ ซึ่งหากนับจากการเปิดโครงการตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 ถึงปัจจุบัน มีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 80,000 บัญชี

ทำให้วันนี้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ประชาชนตกอยู่ในความยากลำบากจากการผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล มีทางออกในการดูแลแก้ไขปัญหา ซึ่งเมื่อปัญหาภาระหนี้สินได้คลี่คลายก็จะช่วยส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตและคุณภาพครอบครัวของประชาชนดีขึ้น อันจะส่งผลในเชิงบวกทั้งโดยตรงและโดยอ้อมต่อความมั่นคงในระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวมได้อย่างมีคุณภาพ

โปรแกรมแข่งขันนักกีฬาไทย ศึกพาราลิมปิกเกมส์ 2024 วันที่ 7 ก.ย.67

การแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ใกล้ปิดฉากในวันที่ 8ก.ย.2567 ซึ่งในวันนี้ (7 ก.ย.2567) มีนักกีฬาไทยลงแข่งขันในหลายชนิดกีฬาทั้ง วีลแชร์ฟันดาบ เทเบิลเทนนิส ว่ายน้ำ จักรยาน และยกน้ำหนัก

ตารางแข่งขันว่ายน้ำ

16.04 น.ชาคร แก้วศรี ว่ายน้ำฟรีสไตล์ 200 ม.ชาย คลาส S3

16.20 น.วิลาสินี วงษ์นนทภูมิ ว่ายน้ำท่าผสมหญิง200 ม.หญิง คลาส S3

ตารางแข่งขันวีลแชร์ฟันดาบ

16.30 น.ทีมวีลแชร์ฟันดาบ เอเป้หญิง

ตารางแข่งขันยกน้ำหนัก

17.00 น.อรวรรณ บุตรโพธิ์ ยกน้ำหนักหญิง รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 73 กก.

ตารางแข่งขันเทเบิลเทนนิส

17.00 น.วันชัย ชัยวุฒิ เทเบิลเทนนิส ชายเดี่ยว คลาส S4

ตารางแข่งขันจักรยาน

20.00 น.ทีมไทย จักยาน ประเภทถนน Mixed H1-5 Team Relayคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

อ่านข่าว :เปิดชื่อ 79 นักกีฬาพาราลิมปิกไทย ร่วมสู้ศึกปารีสเกมส์ 2024

“แวว สายสุนีย์” ฮีโร่ทัพพาราลิมปิกไทย 3 ทศวรรษ

“พงศกร” เสียแชมป์วีลแชร์เรซซิ่ง 800 ม. คว้าเหรียญเงิน

ไทยลีกเรียกมูริลโล่-อิสลามีชี้แจงเหตุเหยียดเชื้อชาติ

วันที่ 27 สิงหาคม 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร FA THAILAND สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม ครั้งที่ 4 ประจำฤดูกาล 2567/68 โดยมี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน ได้พิจารณาเรื่องเหตุการณ์ผิดปกติในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 1 คู่ระหว่างสโมสรระยอง เอฟซี พบ สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา

โดย ผู้ควบคุมการแข่งขัน รายงานเหตุการณ์ผิดปกติในเกมดังกล่าว เกิดขึ้นในนาทีที่ 72 จากเหตุการณ์ชุลมุนบริเวณกลางสนาม ซึ่งผู้เล่นหมายเลข 36 Mr. YASHIR A. P. ISLAME ของสโมสรระยอง เอฟซี ได้วิ่งเข้าไปหา ผู้เล่นหมายเลข 23 Mr. DENNIS MURILLO SKRZYPIEC ของสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ซึ่งเพื่อนร่วมทีมสโมสรระยอง เอฟซี ได้ช่วยกันห้ามปรามไว้ และ MR. CARLOS PARREIR หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรระยอง เอฟซี ได้เดินออกมานอกเขตเทคนิคเพื่อมาสอบถามกับผู้ตัดสินที่ 4 ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว

จากนั้น นักกีฬาสโมสรระยอง เอฟซี ได้เดินมายังบริเวณตรงกลางริมสนาม ซึ่งในจังหวะนี้ MR. CARLOS PARREIR หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรระยอง เอฟซี ได้ทำการให้สัญญาณเรียกนักกีฬา โดยการกวักมือเรียกนักกีฬาของตนเองมายังบริเวณตรงกลางริมสนาม

ต่อมา ผู้ควบคุมการแข่งขัน ได้ลงไปสอบถามเหตุการณ์จากหัวหน้างานรักษาความปลอดภัย และ GC สโมสรระยอง เอฟซี ได้รับคำตอบว่า “ผู้เล่นหมายเลข 23 Mr. DENNIS MURILLO SKRZYPIEC สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ได้กล่าวคำพูดต่อว่า ผู้เล่นหมายเลข 36 Mr. YASHIR A. P. ISLAME สโมสรระยอง เอฟซี” ทำให้หัวหน้าผู้ฝึกสอนสโมสรระยอง เอฟซี ไม่พอใจ จึงประท้วงด้วยการกวักมือเรียกนักกีฬาของตน มารวมตัวกันในบริเวณพื้นที่ดังกล่าว และผู้ควบคุมการแข่งขันได้สอบถามไปยังผู้ตัดสินที่ 4 ซึ่งผู้ตัดสินที่ 4 ได้แจ้งว่า ผู้ตัดสินไม่ได้ยินคำพูดของทั้งสองฝ่าย เนื่องจากไม่ได้อยู่ใกล้เหตุการณ์ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกมการแข่งขันหยุดลงไป ประมาณ 5 นาที ผู้ตัดสินสามารถควบคุมเหตุการณ์ได้ และเรียกให้นักกีฬามาทำการแข่งขันต่อจนจบการแข่งขัน

จากรายงานดังกล่าว คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท ได้พิจารณารายงานผู้ตัดสิน และผู้ควบคุมการแข่งขัน พร้อมกับหนังสือชี้แจงของทั้งสองสโมสร และภาพเหตุการณ์แล้ว เห็นว่า มีประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุปโดยเฉพาะเรื่องของถ้อยคำของผู้เล่นทั้งสองฝ่ายที่ใช้ต่อว่ากันไปมา รวมทั้งพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรมแก่ทั้งสองสโมสร และเพื่อให้การสืบสวนข้อเท็จจริงมีความครบถ้วนสมบูรณ์ จึงมีมติเอกฉันท์ ให้เชิญ ผู้เล่นหมายเลข 23 Mr. DENNIS MURILLO SKRZYPIEC สโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และผู้เล่นหมายเลข 36 Mr. YASHIR A. Pคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ISLAME สโมสรระยอง เอฟซี พร้อมกับเจ้าหน้าที่ของทั้งสองสโมสร เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมคณะกรรมการฯ ในวันอังคารที่ 10 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. ณ ที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ

Bà Lê Hồng Thủy Tiên vào HĐQT Sasco, ông Johnathan Hạnh Nguyễn nói gì-

Bà Lê Hồng Thủy Tiên vào HĐQT Sasco

Sáng nay (10/4), Công ty cổ phần Dịch vụ Hàng không Sân bay Tân Sơn Nhất (Sasco – mã chứng khoán: SAS) tổ chức họp đại hội cổ đông thường niên 2024.

Tại Sasco, ông Johnathan Hạnh Nguyễn – Chủ tịch Hội đồng quản trị (HĐQT) – sở hữu cá nhân 200.000 cổ phiếu. Ông Hạnh cũng đại diện quản lý gần 60,5 triệu cổ phiếu SAS của nhóm cổ đông lớn có liên quan như Công ty TNHH Xuất nhập khẩu Liên Thái Bình Dương (IPPG), Công ty cổ phần Thời trang và Mỹ phẩm Duy Anh (DAFC), Công ty TNHH Thời trang và Mỹ phẩm Âu châu (ACFC). Tổng tỷ lệ cổ phần ông Hạnh đại diện và sở hữu cá nhân là 45,44% vốn.

Ngoài ông Johnathan Hạnh Nguyễn, cổ đông lớn khác của Sasco là Tổng công ty Cảng Hàng không Việt Nam (ACV), sở hữu 49,07% vốn.

Vợ ông Johnathan Hạnh Nguyễn – bà Lê Hồng Thủy Tiên – sở hữu cá nhân 50.000 cổ phiếu, tương ứng tỷ lệ 0,0375%. Bà Thủy Tiên còn là Tổng giám đốc IPPG và người đại diện của DAFC – 2 đang là cổ đông lớn của Sasco. Còn ông Johnathan Hạnh Nguyễnlà Chủ tịch IPPG.

Tại phiên họp đại hội này, bà Thủy Tiên được đề cử tham gia HĐQT nhiệm kỳ 2024-2029. Bà Tiên sinh năm 1970, được giới thiệu có trình độ chuyên môn Cử nhân Kinh tế.

Cùng với bà Tiên, danh sách tham gia HĐQT còn 4 thành viên khác đã đảm nhận vị trí ở nhiệm kỳ trước là ông Johnathan Hạnh Nguyễn, bà Lê Thị Diệu Thúy, ông Nguyễn Văn Hùng Cường, ông Lê Anh Tuấn.

Từ năm 2015 đến 2023, mức thù lao thành viên HĐQT được áp dụng là 8 triệu đồng/người/tháng. Đối với năm 2024, mức thù lao này được tiếp tục giữ nguyên.

Ông Johnathan Hạnh Nguyễnnói thị trường khu vực sân bay Tân Sơn Nhất không phải của riêng Sasco mà có sự cạnh tranh ngày càng khủng khiếp. Việc IPPG (bà Thủy Tiên đại diện – PV) tham gia Sasco không phải nắm quyền điều hành mà muốn hỗ trợ Sasco nâng cao năng lực cạnh tranh để tồn tại và phát triển.

Theo ông Johnathan Hạnh Nguyễn, IPPG có 138 thương hiệu hàng miễn thuế, chiếm 40% thị phần và có mối quan hệ hợp tác với nhiều đối tác là công ty bán hàng miễn thuế lớn nhất thế giới. IPPG cũng sẽ đưa thêm nhiều thương hiệu đến với Sasco để củng cố thêm thế mạnh của doanh nghiệp, để Sasco có vị thế vững chắc hơn.

Chủ tịch Sasco động viên cổ đông yên tâm về sự hợp tác giữa IPPG và Sasco, bởi Sasco là người nhà, không phải một khoản đầu tư của IPPG.

Thượng tôn pháp luật, không vì áp lực từ cổ đông mà cố làm

Hơn một lần, tại họp đại hội, ông Johnathan Hạnh Nguyễn khẳng định tôn chỉ thượng tôn pháp luật, làm việc theo đúng hiến pháp và pháp luật, nỗ lực để phát triển. Ông đảm bảo điều này dưới vai trò Chủ tịch Sasco.

Sasco có quỹ đất dự án ở nhiều địa phương như Đà Lạt, Nha Trang, Phú Quốc… nhưng chưa triển khai. Ông Johnathan Hạnh Nguyễnnói không bán dự án vì không cần tiền, chờ bất động sản hồi phục, chờ giấy phép triển khai. Chủ tịch Sasco kỳ vọng giá trị các dự án sẽ gia tăng gấp đôi, gấp 3 trong thời gian tới. Ông khuyên cổ đông hãy kiên nhẫn chờ đợi.

Năm vừa qua, Lâm Đồng cũng đồng ý cho Sasco tiếp tục triển khai dự án khu sinh thái nghỉ dưỡng Suối Hoa tại TP Đà Lạt. Dự án hơn 131ha này đã được Lâm Đồng giao cho Sasco đầu tư từ năm 2008.

Sasco được yêu cầu phải thực hiện điều chỉnh dự án và điều chỉnh quy hoạch phù hợp với quy hoạch chung, quy hoạch phân khu và quy hoạch tổng thể phát triển Khu du lịch quốc gia Đankia – Suối Vàng đã được Thủ tướng Chính phủ phê duyệt ngày 18/12/2018. Đây là điều kiện để công ty có thể tiếp tục triển khai dự án.

Sau 15 năm, Sasco chưa triển khai và có nêu . Tại phiên họp đại hội, ông Johnathan Hạnh Nguyễn có đề cập đến dự án này và khẳng định với những dự án đang trong giai đoạn chuẩn bị đầu tư, công ty sẽ tiếp tục tập trung hoàn thiện các thủ tục pháp lý cần thiết theo quy định để phê duyệt dự án đầu tư.trích dẫn từ Khe web trực tiếp

Chủ tịch Sasco đồng thời khẳng định đã chỉ đạo ban điều hành dự án nào chưa đủ điều kiện pháp lý thì không được lách luật, không được bỏ qua quy trình.

“Chúng ta chỉ làm khi đúng quy định pháp luật, không vì áp lực từ cổ đông mà cố làm. Lâu lâu có những câu hỏi sao để dự án 15 năm chưa làm, nhưng chúng tôi sẽ không làm nếu chưa đủ pháp lý. Không thể dục tốc bất đạt, làm rồi bị thổi còi”, ôngJohnathan Hạnh Nguyễnnói.

Dự báo kinh tế tốt hơn nhưng hàng không vẫn đương đầu thách thức

Năm 2023, Sasco đạt doanh thu thuần 2.581 tỷ đồng, tăng 84% so với thực hiện năm trước. Lợi nhuận sau thuế đạt 285,5 tỷ đồng, tăng 36%. Lãi cơ bản trên cổ phiếu (EPS) là 1.889 đồng.

Năm 2024, công ty đặt kế hoạch doanh thu thuần 2.788 tỷ đồng, lợi nhuận trước thuế 343 tỷ đồng, tăng lần lượt 8% và 3% so với thực hiện năm trước. EPS tương ứng 1.915 đồng.

Ông Johnathan Hạnh Nguyễnđánh giá năm nay, dự báo nền kinh tế sẽ phục hồi tốt hơn nhưng ngành hàng không còn đương đầu với nhiều thách thức lớn về giá xăng dầu, tỷ giá, mức độ mở cửa của các nền kinh tế quốc tế trọng điểm.

Đánh giá cơ hội của sân bay Long Thành, ông Johnathan Hạnh Nguyễnnói Long Thành sẽ thay thế vai trò của sân bay Tân Sơn Nhất và tương lai của Sasco ở đó. Sasco có cơ hội tham gia kinh doanh tại Long Thành cùng các đối thủ khác, công ty có tài chính và IPPG sẽ hỗ trợ nếu cần thiết.

Với kết quả kinh doanh năm 2023, công ty dự kiến chia cổ tức tỷ lệ 18,26% bằng tiền, chia làm 2 đợt. Đợt 1 chi trả 8% (800 đồng/cổ phiếu) và đợt 2 là 10,26% (1.026 đồng/cổ phiếu). Công ty đã tạm ứng cổ tức đợt 1/2023 và sẽ thực hiện các thủ tục trả cổ tức đợt 2/2023.

Năm 2024, công ty dự kiến tạm ứng cổ tức đợt 1, tỷ lệ 6% bằng tiền (600 đồng/cổ phiếu).

Sự thật cụ bà vô gia cư "ngày xin đồ từ thiện, tối về nhà chục tỷ" ở Hà Nội

Những ngày qua, mạng xã hội xôn xao phóng sự về thực trạng tái diễn những người vô gia cư giả ở Hà Nội.

Trong đoạn video, một người vô gia cư sau khi lấy đầy một xe quà, thì trở về một ngôi nhà 3 tầng, rộng hơn 100m2, nằm trên mặt phố Tô Hiến Thành (phường Lê Đại Hành, quận Hai Bà Trưng).

“Theo người dân địa phương, trị giá của căn nhà này lên đến hàng chục tỷ đồng”, trích nội dung phóng sự.

Mạng xã hội sau đó lại xuất hiện video cho biết cụ bà tên Phượng, 83 tuổi, hàng ngày đi nhặt rác, xin cơm ăn qua ngày. Trong sân ngôi nhà, đồ đạc và phế liệu chất đống ngổn ngang, mấy túi thức ăn thừa, mốc hỏng treo trên tường.

Bà nói “ngủ trên một tấm cánh cửa tủ nhặt được, kê ở ngoài hiên nhà. Hàng ngày đi nhặt rác, xin cơm ăn, ai cho gì thì ăn nấy”.

“Bữa ngon nhất là bữa xin được cơm ăn. Còn hôm nào có tiền thì bà mua một suất bún chả 40.000 đồng, vài tháng mới ăn một bữa như thế. Hoặc có cô nào họ ăn ở vỉa hè này, họ muốn cho mình họ rủ mình ăn cùng. Cực lắm”, người phụ nữnói trong video.

Trao đổi với phóng viên Dân trí, lãnh đạo UBND phường Lê Đại Hành cho biết cụ bà trong video tên là Nguyễn Thị Kim Phượng (83 tuổi). Bà Phượng là người già đơn thân, có hộ khẩu thường trú tại căn nhà trên phố Tô Hiến Thành.

Theo vị lãnh đạo, bà không phải người vô gia cư mà hiện sống tại tầng một của căn nhà. Hoàn cảnh không khó khăn như video trên mạng xã hội chia sẻ.

“Bà Phượng có hộ khẩu tại tầng một của căn nhà, hàng tháng nhậntrợ cấp 400.000 đồng. Bà khỏe mạnh, minh mẫn và hoạt bát, nhưng thích đi nhặt rác, tích trữ rác đầy nhà”, lãnh đạo UBND phường nói.

Theo chính quyền địa phương, do chất đầy rác trong nhà,bà Phượng thường ngủ ngoài hiên. Cách 1-2 tuần, phường và tổ dân phố đều vận động, đến dọn dẹp, thu dọn rác giúp bà.trích dẫn từ Khe web trực tiếp

Chính quyền cũng từng đề nghị sửa nhà, lát sàn, mua giường chiếu, ti vi, tủ… để bà dọn vào ở nhưng bà không đồng ý.

UBND phường cùng các ban, ngành, đoàn thể thường xuyên quan tâm, hỗ trợ kinh phí cho bà Phượng trong những dịp lễ, Tết, tháng hành động Vì người nghèo, trợ cấp đột xuất; giao địa bàn dân cư, tổ dân phố số 2 quan tâm chăm lo đời sống của bà.

“Bà Phượng luôn có tên trong danh sách hỗ trợ. Hàng xóm xung quanh cũng quan tâm, nấu đồ ăn mang sang, nhưng bàkhông ăn. Mỗi buổi trưa và tối, bà lại ra đường xin đồ từ thiện”, lãnh đạoUBND phường Lê Đại Hành cho hay.

Tháng 4/2020, bà Phượng xuất hiện trong một bài đăng về việc đi nhận gạo từ thiện.

Trong bài viết có nêu: “Bàlà người già đơn thân, anh chị đã mất hết. Bà sống một mình ở thủ đô, hoàn cảnh cơ cực phải nhặt phế liệu mưu sinh qua ngày, chạy ăn từng bữa trong mùa dịch Covid-19”.

UBND phường Lê Đại Hành sau đó lên tiếng đính chính, cho biết thực tế bà Phượng là một trong những trường hợp thường xuyên được chính quyền, các tổ chức đoàn thể của phường Lê Đại Hành, tổ dân phố và hàng xóm quan tâm, hỗ trợ kinh phí cùng nhuyếu phẩm cần thiết cho cuộc sống hằng ngày.

Đại diện một nhóm từ thiện ở Hà Nội cho biết cách đây 3 năm họ gặp gỡ và bắt đầu giúp đỡ bà Phượng khi thấy người phụ nữ lớn tuổingồi ở vỉa hè các tuyến phố: Tràng Thi, Hai Bà Trưng, Bà Triệu vào mỗi tối.

Sau một lần bị tai nạn, bà Phượng được nhóm đưa đi bệnh viện cấp cứu và hỗ trợ kinh phí chữa bệnh. Tuy nhiên, dù được hỗ trợ, cụ vẫn tiếp tục ra được ăn xin, nhặt rác.Từ đó, nhóm quyết định dừng giúp đỡ bà.

Khi tìm hiểu hoàn cảnh, nhóm biết bà có hộ khẩu tại phố Tô Hiến Thành chứ không khó khăn, không có nhà ở như cụ chia sẻ.